ในค่ำคืนวันที่ 20 ส.ค. ของบ้านเราที่ผ่านมา แต่คงเป็นตอนเช้าของฝั่งยุโรปเขา ทาง Bluesound ได้ประกาศเปิดตัวแนะนำ Bluesound ในตระกูล Node ในเจนเนอชั่นถัดไป ใครเป็นชาวโซเชี่ยลก็คงเห็นผ่านหูผ่านตามากันแล้วบ้าง และทางเว็บไซต์หลักเขาก็ลงรายละเอียดได้ครบถ้วนแล้ว แต่ขออุนญาตบอกกล่าวตรงนี้ก่อนครับ ว่าสินค้าในเมืองไทยพร้อมจำหน่าย คุณบุ๋มผู้บริหารโคไน้ซ์ได้แจ้งว่า พร้อมวางขายคงเป็นต้นปีหน้าโน้นเลยครับ เพราะต้องผ่านกระบวนการ ขอใบอนุญาต นำเครื่องส่งทดสอบ สมอ. คือโคไน้ซ์เราทำทุกขั้นกระบวนการถูกต้องตามกระบวนการ ไม่มีการลักไก่ นำมาขายก่อนแต่ประการใด ทำไมผมถึงเรียกว่าเป็นเจอนเนอเนชั่นถัดไปล่ะ อันดับแรกที่เห็นคงเป็นเรื่องรูปร่างครับ แม้ตัวกลางยังเป็นรูปร่างเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ เจนที่2 แล้ว แต่ก็ปรับเปลี่ยนไปหลายอย่าง อีกทั้งตัวใหญ่สุด ที่ผมคิดว่า จัดเต็มและเสียงดีแน่นอนตั้งแต่ยังไม่ได้ฟัง มีหน้าจอดิสเพลย์ขนาด 5 นิ้ว และ ช่องเอ้าท์พุทแบบบาลันซ์ XLR อันเป็นปรารถนาของเหล่าออดิโอไฟล์ทั้งหลาย ที่นี้เรามาดูกันในรายละเอียดอะไรที่เปลี่ยนไปกันบ้าง เท่าที่ผมอ่านจากสเปคของเขาในหน้าเว็บไซต์
โดยจะมีทั้งหมด 3 รุ่น ดังต่อไปนี้
NODE NANO Streamer
- ESS ES9039Q2M SABRE® DAC
- Stereo RCA output
- Optical, coaxial, and USB outputs
- 2 programmable quick-touch presets
- Quad-core 1.8GHz ARM® Cortex™ A53 processor
- DSD playback*
- AirPlay 2 integration
- Spotify Connect, TIDAL Connect, Roon Ready
- Two-way aptX™ Adaptive Bluetooth*
NODE Preformance Streamer
- ESS ES9039Q2M SABRE® DAC
- Quad-core 1.8GHz ARM® Cortex™ A53 processor
- THX AAA™ headphone amplifier technology
- Full-sized 1/4″ (6.3mm) headphone output
- HDMI eARC, Optical inputs
- Dirac Live Ready*
- Five programmable quick-touch presets
- User interface with proximity sensor
- AirPlay 2 integration
- Spotify Connect + TIDAL Connect
*Available via future software updateNODE ICON Reference Streamer
- Dual-mono DAC design with 2 x ESS Sabre ES9039Q2M DAC
- THX AAA™ headphone amplifier technology with 2 x 1/4″ jacks for cable management
- High-quality balanced XLR outputs
- HDMI eARC, optical, analog and USB-C inputs
- RCA, coax, optical, USB outputs
- Apple AirPlay 2 and aptX Adaptive Bluetooth*
- Dirac Live Ready*
- Beautiful 5” full-colour HD display and backlit touch panel with presets and controls
*Available via future software update
อะไรที่เปลี่ยนไป
- ชิป DAC เจนนี้ จะถูกใช้บริการของ ค่าย ESS ทั้งหมดแล้วครับ เป็นเบอร์ ES9039Q2M ถูกนำมาใช้ตั้งแต่รุ่นเล็กสุดไปจนถึงรุ่นท็อปสุดเลย อันนี้ทำผมค่อนข้างประหลาดใจมาก และถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี สำหรับนักเล่นออดิโอไฟล์ทั่วๆไป ที่งบประมาณไม่สูงก็ได้ของดีเยี่ยมไปใช้งานเลย ในสตรีมเมอร์เริ่มต้นเพียง หนึ่งหมื่นบาท หรือไม่เกินหมื่น ก็ว่าได้
- รูปร่างหน้าตา อันนี้ขอพูดถึงตัว NANO และ ICON ที่เห็นภาพชัดเจน อย่างตัวนาโนคิดว่าตัวเล็กขนาดฝ่ามือเดียวเห็นจะได้ ส่วนตัวไอคอนนั้น ใหญ่พอสมควร เพราะทาง Bluesound เองวางให้เป็นเรฟเฟอร์เรนท์สตรีมเมอร์แล้ว ที่มาพร้อมหน้าจอดิสเพลย์ที่หลายคนแอบบ่นทำไมไม่มีหน้าจอให้เห็นปก เห็นชื่อเพลงบ้าง ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้เลย เพราะสุดท้ายเวลาที่เรานั่งฟังเพลงเราไม่ได้อยู่ที่หน้าเครื่อง เราไปนั่งฟังนั่งเลือกเพลงจากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็บ เต็มตาเต็มอารมณ์กว่าเป็นไหนๆ ส่วนตัว NODE รุ่นกลางนั้น นอกจากชิป DAC ที่เปลี่ยนไปแล้ว ยังใส่ภาคขยายหูฟัง ชั้นเยี่ยมที่ผ่านการรับรองจาก THX AAA™ มาเช่นเดียวกับตัวไอคอนเหมือนกัน
- อันนี้ขอโฟกัสไปที่ตัว ICON ที่ถือว่าเป็นตัวน่าจับตามองเลยที่เดียว ซึ่งค่าตัวก็คงไม่ธรรมดา มาพร้อมหน้าจอดิสเพลย์แบบพรีเมี่ยมเกรดขนาด 5 นิ้ว ภาค DAC ยังใส่ชิปมาแบบคู่เรียกว่าทำงานอิสระซ้านขวาไปเลย นัยว่าเพื่อการรองรับเอ้าท์พุทแบบบาลันซ์ XLR นั่นเอง ซึงปกติในชิป 1ตัวนั้นจะมีตัวภาค DAC ทำงานอิสระ 2ชุดอยู่แล้ว และในภาค A to D ก็ยัง ใส่ชิปเซ็ตของ ทาง ESS SABRE ES9826Q มาเพิ่มอีกเรียกว่าตัวนี้จัดเต็มสมกับเป็นโมเดลเรฟเฟอร์เร็นท์จริงๆครับ
- ฟีเจอร์ Dirac Live อันนี้ จะรองรับแค่รุ่น NODE และ NODE ICON เท่านั้นจะสังเกตว่าทางเมืองนอก เขาจะเอา NODE ICON ต่อเข้ากับ Power Amp ไปเลย ไม่ต้องต่อ ปรีแอมป์อะไรอีกแล้ว เป็นการส่งสัญญาณที่สั้นที่สุดอีกด้วย
- สุดท้าย เป็นฟีเจอร์ที่คนถามหากันมากที่สุด กับรองรับการเล่นไฟล์ DSD แล้ว อันนี้เขายังอุบไต๋ไว้อยู่บอกจะทำการอัปเดทผ่าน FW ฺของ BluOS อีกที
ยังไงถ้าเครื่องทดสอบมาแล้ว ผมจะแอบมาเล่าถึงฟีเจอร์ต่างๆ กับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจะมากน้อยแค่ไหน ต้องติดตามกันครับ.
Mr.HiresMan