3692 จำนวนผู้เข้าชม |
AE Acoustic Energy ซึ่งเป็นลำโพงที่มีต้นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ดินแดนแห่งอนุรักษ์นิยมในเรื่องของระบบเสียงที่แห่งนี้ ตอนที่ผมเดินทางไปเที่ยวชมโรงงานหลายๆแห่ง รวมถึงสำนักงานของผู้ออกแบบเครื่องเสียงและลำโพง พบว่าพวกเขามีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ
เน้นความเรียบง่าย เข้าถึงเสียงดนตรีแบบไม่เกินเลย แต่ดีไซน์มีความหรูหราอยู่ในตัว บรรยากาศของประเทศที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ดูเหมือนจะร่มครึ้มอยู่เสมอ มีฝนตกโดยมิได้นัดหมายอยู่บ่อยครั้ง ธรรมชาตินอกเมืองดูเขียวขจี และผสมผสานความเก่าแก่โบราณเอาไว้ประมาณหนึ่ง หลายสิ่งหลายอย่างของระบบไฮไฟที่มีชื่อเสียงของโลกเริ่มต้นขึ้นที่นี่
Acoustic Energy หรือ AE
ในอดีตนั้นเป็นลำโพงซึ่งออกแบบมาเพื่อความพึงพอใจของเจ้าของบริษัทเท่านั้น สังเกตได้อย่างหนึ่งก็คือลำโพงหลักมีแค่เพียงรุ่นเดียวก็คือ AE1 มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกที่บริษัทหนึ่งจะอยู่ได้ด้วยลำโพงเพียงรุ่นเดียวที่มีชื่อเสียง
ผมคิดเอาเองว่าผู้ออกแบบดีไซน์เนอร์ หรือเจ้าของบริษัทนั้น ในช่วงเริ่มต้นทำลำโพง เพราะความพอใจ ความรักในศิลปะของเสียงดนตรี คงยังไม่ได้มองไกลไปมากในแง่การตลาด ลำโพงรุ่นแรกจึงเป็นรุ่นที่คลาสสิก และมีความตั้งใจอย่างสูงสุดที่จะให้มันมีเสียงในแบบที่เขาต้องการ ก็คือเที่ยงตรงและไม่มีความยืดหยุ่นใดๆ
ในช่วงนั่นคือเดือนมิถุนายน ปี 1987 ได้กำเนิดลำโพง AE1 ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงในฐานะลำโพงวางขาตั้ง หรือลำโพงวางหิ้ง ที่ให้เสียงเที่ยงตรง มีความเป็นอนุรักษ์นิยมอย่างสูง เหมาะที่จะเป็นลำโพงสำหรับมอนิเตอร์ฟังเสียงมากกว่าเน้นบุคลิกเสียงด้านใดด้านหนึ่งในกลุ่มของนักเล่นออดิโอไฟล์ เพราะควรยอมรับว่า คนจำนวนมากของกลุ่มออดิโอไฟล์เอง ก็ยังคุ้นเคยอยู่ใน ”บุคลิกเสียง” มากกว่า ”ความเป็นจริง” ของเสียง
ในปี 1994 ห่างออกไป 100 ไมล์จากใจกลางกรุงลอนดอน ที่นั่นเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ Cotswold เป็นการย้ายฐานการผลิต และเริ่มต้นขยายกิจการในรูปโฉมใหม่ของลำโพง AE ที่นี่ยังคงเป็นโรงงานที่ทีมงานยังคงปฏิบัติการมาจนถึงปัจจุบัน หลังจากเริ่มต้นด้วยลำโพงหลักคู่เดียวอย่าง AE1 ในกรุงลอนดอนมาระยะหนึ่ง
ลำโพงเริ่มขยายขอบเขต ซีรีส์ รุ่น ให้มีหลากหลายมากขึ้น มีการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการวางแผนต่างๆของบริษัท ในช่วงปีที่ยุ่งยากผันผวนนี้เอง ทาง AE ได้ถูกควบรวมกิจการโดยโรงงานผลิตตัวขับเสียงลำโพงของมาเลเซีย Formosa Prosonic Industries (FPI) โดย FPI ได้ซื้อหุ้นและเข้าควบคุมกิจการ AE แนวนโยบายตอนนั้น AE ขยายทิศทางสู่ตลาดลำโพงแบบ Lifestyle รวมทั้งนำเสนออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์ลำโพง Bluetooth รุ่นแรกของโลก รวมถึงวิทยุอินเทอร์เน็ตระบบ WiFi
มันคงเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนแทบจะลืมเลือนความเป็น AE ในนามของลำโพงที่มีคุณภาพสูงสำหรับนักเล่นระดับหัวแถว หลายคนคงนึกเสียดายมิใช่น้อย
อย่างไรก็ตามอีกไม่นานนักในต้นปี 2017 Acoustic Energy ได้กลับมาเป็นของคนอังกฤษอีกครั้ง และบัดนี้ ภายใต้ชื่อ “Acoustic Energy Loudspeakers Ltd.” ก็ได้กลับมาดำเนินงานในแบบที่นักเล่นเครื่องเสียงคาดหวัง และเริ่มโดดเด่นขึ้นมา ด้วยลำโพงที่ยอดเยี่ยมหลายซีรีส์
ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา AE ได้รับรางวัลมากมายจากสื่อ Hi-Fi ของโลก และยังคงเป็นหนึ่งในบริษัทลำโพงที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกด้วย
เส้นทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ
ด้วยการเปิดตัวลำโพง AE1 ในเดือนมิถุนายนปี 1987 เป็นที่มาของการตั้งบริษัทผลิตลำโพงในนาม Acoustic Energy Ltd. ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สองปีแรก ลำโพง AE1 ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างโดดเด่นทั่วโลก เนื่องจากความสำเร็จที่ไม่เคยมีมาก่อนของ AE1 รวมถึงการได้รับรางวัลจากทั่วโลก ห้าปีต่อมา จึงทำให้มีการพัฒนาโมเดลเพิ่มเติมเพื่อให้มีความยืดหยุ่น และขยายช่วงเรนจ์ของลำโพงต่อนักฟัง ด้วยการเปิดตัวรุ่น AE2, 3, 4 และ 5 ตามด้วยการเปิดตัวซีรีส์ 100, 200 และ 500 AE เริ่มขยับเข้าสู่ตลาดไฮ-ไฟที่สำคัญยิ่งกว่าเดิม
จากนั้นก็ขยายฐานสู่ลำโพงไลฟ์สไตล์ ทั้ง Aego, Aegis, Neo และ Evo Series เป็นที่ตอบรับกว้างขวาง ที่ถือว่าโดดเด่นจริงๆคือ การเปิดตัวรุ่น AE Mk III Special Edition เป็นลำโพงที่ได้รับรางวัล และบทวิจารณ์มากเท่ากับ AE1 ดั้งเดิม พร้อมด้วยการเปิดตัว Reference, Radiance และ Neo V2 Series ตามมาด้วย AE ซีรีส์ที่สาม
ความน่าสนใจก็คงเป็นการกลับมาผลิตและอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าของชาวอังกฤษอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็มีลำโพงอยู่หลายซีรีส์ด้วยกันที่ทำให้เป็นที่จับตามากที่สุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะลำโพงซีรีส์ 100, 300 และ 500
เป็นการตอกย้ำคุณภาพ และราคาที่ดีที่สุดเท่าที่ AE เคยผลิตลำโพงมา ล่าสุดผมได้ทดลองฟังลำโพงตั้งพื้น AE520 ที่คุณภาพเสียงเมื่อเปรียบเทียบลำโพงอื่น คุณภาพนั้นเทียบเคียงลำโพงราคา 250,000 บาท ได้อย่างสบาย ทั้งที่ AE520 ราคาเพียง 150,000 บาท!
เรื่องสำคัญนักเล่นเครื่องเสียงทุกท่านควรตระหนักให้ความสำคัญอยู่เสมอคือ ลำโพงจะเป็นตัวแปรสภาพของทุกสิ่งที่เราควรได้ยินออกมา ได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับตัวของมันเองเป็นหลัก รองลงไปเป็นศักยภาพของชุดเครื่องขยาย
AE520 ที่ผมได้ทดสอบนั้น พบว่าเป็นลำโพงที่สามารถเข้ากับแอมปลิไฟเออร์ในท้องตลาดได้ทุกแบรนด์ทุกยี่ห้อ ขอเพียงให้มีกำลังขับที่สูง หรืออัตราสวิงหรือ Slew rate ที่เพียงพอ คุณจะได้ยินเสียงที่รื่นรมย์ ไปด้วยความอิ่มเอิบของเสียงดนตรี เวทีเสียงที่กว้างขวาง การสนองตอบทุกรายละเอียดที่บันทึกไว้จากสตูดิโอนั้น ครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการฟังเพลงในห้องตั้งแต่ 15-40 ตารางเมตร แบบหวังผลเต็มที่
AE520 ลำโพงทรงทาวเวอร์สไตล์อังกฤษ ที่วางตำแหน่งไดรเวอร์เรียงเป็นแนวดิ่ง 6 ตัวต่อข้าง มีสไตล์หน้าแคบ แต่มีทรงตู้ลึกมากเป็นพิเศษ เป็นการชดเชยปริมาตรตู้ได้อย่างแยบยล ตัวขับเสียงกลาง 125 มม. จำนวน 2 ตัว วูฟเฟอร์ 3 ตัว และทวีตเตอร์ 25 มม. 1 ตัว ซึ่งทวีตเตอร์จะวางจุดตำแหน่งในกลุ่มลำโพงขับเสียงกลางต่ำ โดยที่หน้าของแบบเฟิลจะเห็นทวีตเตอร์อยู่ตำแหน่งลำดับสอง ไม่ใช่ตำแหน่งบนสุด เหมือนลำโพงอื่น
ตัวขับที่ประกบทวีตเตอร์ทั้งบนและล่างนั้น เป็นมิดเรนจ์ขับเสียงย่านความถี่กลาง และที่เหลือเรียงลงมาตามลำดับ คือ วูฟเฟอร์ในขนาดที่เท่ากันกับมิดเรนจ์ รวมทั้งหมดห้าตัว ขับเสียงกลาง-ต่ำ และทวีตเตอร์โดม คาร์บอน ไฟเบอร์อีกหนึ่งตัว
ความโดดเด่นคือ นวัตกรรมกรวยคาร์บอน ไฟเบอร์ ที่ AE คิดค้นเป็นรายแรกของโลก ด้วยน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาของคาร์บอน ไฟเบอร์ ช่วยให้การสั่นไหวของย่านความถี่ช่วงกลางสูงสะอาดและสมูท มีความเที่ยงตรงมาก
อีกทั้ง AE ใช้เทคโนโลยีท่อนำคลื่น WDT ที่ทำจากอะลูมิเนียมหล่อ วางตำแหน่งอยู่ใกล้กับไดรเวอร์มิดเรนจ์-วูฟเฟอร์ เพื่อการกระจายเสียงเบสส์ที่ดีที่สุด เราจะพบว่าท่อเบสส์ในแบบของ AE นี้ จะดีไซน์เป็นรูปสี่เหลี่ยมอยู่ด้านหลังตู้ อันเป็นลักษณะที่แตกต่างไปจากท่อเบสส์แบบกลมโดยทั่วไป
เทคนิคการออกแบบตัวขับมิดเรนจ์และวูฟเฟอร์ แบบคาร์บอน ไฟเบอร์ ขนาด 125 มม.มีวอยซ์คอยล์ขนาดใหญ่ 35 มม. ช่วยให้อัตราการผลักอากาศทำได้รวดเร็วทรงพลัง และฉับไว โดยปราศจากความผิดเพี้ยน สามารถส่งผ่านย่านความถี่ถึงผู้ฟังได้เร็วขึ้น ทำให้มีโทนัล บาลานซ์ ที่ดีมากๆอีกด้วย
ตู้ลำโพงทรงทาวเวอร์นี้ ออกแบบด้วยโครง Resonance Suppression Composite (RSC) ขนาด 18 มม. ซึ่งพัฒนามาจากรุ่น Reference มีส่วนประกอบของชั้นเนื้อไม้ที่ลดการสั่นพ้อง หรือเรโซแนนซ์ ให้ผลทางอะคูสติคที่ดีเยี่ยม รูปทรงดีไซน์ของตัวตู้หรูหรา ได้รับการตกแต่งอย่างประณีตด้วยวีเนียร์ผิวสวยงามคลาสสิก มีให้เลือกทั้งสีดำเงาเปียนโน, สีขาวเงาวาว และสีไม้อเมริกัน วอลนัท มีหน้ากากผ้าที่ยึดติดด้วยระบบแม่เหล็ก ตัวตู้ลำโพงมีน้ำหนักถึงข้างละ 30 กิโลกรัม ตัวสไปค์เดือยแหลมแบบอะลูมิเนียมชุบเงิน มีน้ำหนักที่ดี ช่วยให้ลำโพงมีความนิ่งมากยิ่งขึ้น และ AE ยืนยันเรื่องเฟสเสียงที่ต้องเที่ยงตรงที่สุด ปราศจาก Phase Shift จึงมีขั้วลำโพงเพียงชุดเดียวแบบ Single Wired
AE520 มาพร้อมแนวเสียงที่มีความนิ่มนวล รายละเอียดครบถ้วน ให้โทนัล บาลานซ์ ยอดเยี่ยม ที่สำคัญคือ ผมไม่ได้ยินเสียงอุดอู้จากตู้ลำโพง (ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะเจอในลำโพงทาวเวอร์แบบนี้ในระยะแรกของการเบิร์น) ในการทดสอบเพลงประเภทต่างๆ พบความน่าประทับใจอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือลำโพงที่ไม่มีเสียงสากเสี้ยนใดๆ ให้รู้สึกขัดใจเลยแม้แต่น้อย ความละมุนละไมนั้นมีทั้งทุ้มกลางแหลมครบถ้วนจริงๆ
AE520 ให้เสียงค่อนข้างอิ่มสะอาดรายละเอียดดี ช่วงปลายเสียงและฮาร์โมนิคที่มีความสมจริง สเกลเสียงใหญ่ เวทีกว้างลึกในแบบที่เราปรารถนา นับว่าผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซจริงๆ
AE520 ฟังยาวนานได้อย่างเพลิดเพลิน ไม่เบื่อล้า นานทีปีหนจะเจอลำโพงตั้งพื้น ที่ยิ่งฟังก็ยิ่งเพลิดเพลินและเมื่อพ้นเบิร์นประมาณ 150 ชั่วโมง ยิ่งให้เสียงเยี่ยมหาตัวจับยาก
การคิดค้นกรวยคาร์บอนไฟเบอร์ขึ้นมาใช้งาน ถือว่าได้คุณประโยชน์อย่างสูงทีเดียวในแง่ของการให้เสียงเที่ยงตรง เรียบ แฟล็ต และควบคุมการผลักอากาศได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีอาการเฉื่อยช้า ซึ่ง AE520 สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์ และจุดเด่นอย่างมากคือ การวางเรียงตำแหน่งของตัวขับ ที่ก่อผลดีต่อย่านเสียงมิดเรนจ์ไปจนถึงปลายความถี่แหลมสุดอย่างราบรื่นต่อเนื่อง น่าประทับใจ ถ้าเราวิเคราะห์มาตั้งแต่แรก ก็จะพบว่าการเอาตัวขับเสียงกลางหรือมิดเรนจ์ประกบทั้งด้านบนและด้านล่าง ให้ทวีตเตอร์อยู่ระหว่างกลาง นี้เป็นสูตรที่ดีเยี่ยมจริงๆ
อีกทั้งความไวถึง 90 ดีบี และค่าความต้านทานที่ 6 โอห์ม ทำให้เราสามารถใช้งานเข้ากับแอมปลิไฟเออร์ได้แทบทุกแบรนด์ในตลาดออดิโออย่างกว้างขวาง โดยไม่มีข้อแม้หรือปัญหาเรื่องความเข้ากันได้แต่อย่างใด เป็นลำโพงที่เซ็ตอัพง่าย และจัดซิสเต็มหรือหาแอมป์มาเข้าได้ง่ายอีกด้วย
AE520 เป็นลำโพงที่ตอกย้ำการออกแบบลำโพงนั้นเสียงดนตรีคือเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น! By ภูธร