6829 จำนวนผู้เข้าชม |
ทุกเจ้ามีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกันไป และสำคัญมีให้ทดลองใช้งานจริงก่อนที่เราจะตอบรับเป็นสมาชิกเขาครับ เราก็เลือกเอาอันที่ถูกใจเรา ถูกกับสไตล์การใช้งานเรา และที่สำคัญสบายกระเป๋าตังค์เราด้วยครับ การสตรีมใช้งานก็ง่ายดายแบบที่แนะนำในบทความก่อนหน้านี้ ทั้งสตรีมแบบ Bluetooth หรือ ผ่าน Wi-Fi โดยเล่นจากตัวแอปเอง หรือแอปที่มากับเครื่องเล่นสตรีมเมอร์ต่างๆอย่าง BluOS ในเครื่องเล่นสตรีมเมอร์ของ NAD และ Bluesound
SPOTIFY PREMIUM เจ้าแรกที่มาแนะนำให้หาลองฟังกัน จุดเด่นคือระบบเพลย์ลิสที่ฉลาด เลือกเพลงที่เราชอบ หรือสไตล์การฟังตรงกับการฟังประจำของเรา มีแอปให้เลือกใช้งาน ครบทั้งมือถือ แท็บเล็ต และเครื่องคอมพิวเตอร์ ค่าบริการถือว่าไม่ถูกไม่แพง 129 บาท่อเดือน ถูกกว่ากาแฟในห้างบางร้านเสียอีก ด้านข้อสังเกตที่พบ จะเป็นเรื่องที่ไฟล์ยังมีความละเอียดเพียง 320 KB จะประมาณพวกไฟล์ MP3 นั่นเองครับ แต่เท่าที่ฟังมาผมว่าคุณภาพเสียงถือว่าดีพอสมควรเหมาะสำหรับสายมิวสิคเลิฟเวอร์ทั้งหลายเลยครับ
TIDAL HiFi เจ้าถัดมา ผมถือว่าแกมาเปิดตลาดเจาะกลุ่มนักฟังไฮไฟเลย ยิ่งนำไฟล์ MQA เข้าส่งให้บริการด้วย ถือว่าเปิดโลกทัศน์นักฟังได้เป็นอย่างดีเลยครับ เจ้านี้เพลงไทยจะมีจำนวนไม่เยอะ หรือจะพูดว่าไม่เน้นก็น่าจะตรงประเด็นมากกว่า แต่เพลงไทยที่มีในระบบใส่มาแบบมาสเตอร์เลยทีเดียวในหลายๆ อัลบั้มที่พบพบว่าผูกกับค่ายวอร์เนอร์ ที่ถือเป็นหัวหอกในการบุกตลาดสตรีมิ่งแบบMQA มาแต่ทีแรก จริงๆการสมัครมีสองระดับราคา คือแบบเริ่มต้น 129 บาทต่อเดือน จะได้ฟังๆไฟล์เพลงคุณภาพระดับ 320 KB แบบเดียวกับของ Spotify ส่วนในแบบ HiFi นั้น ราคาขึ้นไปเท่าตัว เป็น 258 บาทต่อเดือน อันนี้แล้วแต่กระเป๋าตังค์ท่านผู้อ่านเลยครับ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมนำให้เลือก แบบ HiFi ไปเลยครับจะได้ไม่ค้างคาใจภายหลัง
APPLE MUSIC เจ้านี้ก่อนหน้านี้ก็ถือว่าเป็นเจ้าตลาดจากการขายเพลงบน iTunes store คนที่ฟัง iPod มาก่อนน่าจะคุ้นหูอยู่ครับ สุดท้ายทนกระแสสตรีมมิ่งไม่ไหวโดนเข้าร่วมตลาดกับเขาด้วย และล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมาก็เสริมทัพใหญ่ ยกระดับการฟังเพลงไปสู่ระดับ ไฮเรสแล้วและบางอัลบั้มยังมีแบบ Dolby Atmos แบบอิมเมอร์ซีฟซาวน์เข้ามาด้วยจริงๆ ก่อนหน้านี้ทาง Tidal เองก็ได้เปิดตัว Dolby Atmos ในบริการของเขาไปแล้วเช่นกัน ข้อดีของทาง Apple Music ถือว่าระบบเสถียรดีมากครับ เจาะกลุ่มคนใช้สินค้าของเขาที่นิยมการสตรีมเพลงผ่าน Airplay และตอนนี้พัฒนามาถึง Gen 2 แล้วถือว่าเสียงดีกว่าเดิมเยอะเลย เพราะสามารถสตรีมได้ถึงระดับ 16bit/44.1kHz พร้อมกับสตรีมแบบมัลติรูมได้ด้วย ส่วนการฟังเพลงไฮเรสนั้นยังจำกัดกับแค่การฟังผ่านอุปกรณ์ของทางแอปเปิ้ลเท่านั้นอยู่ครับ ฝั่งแอนดอยย์หรือ PC ก็ยังไม่รองรับแต่อนาคตก็ยังมาไม่ถึง เขาก็ไม่น่าใจไม้ใส้ระกำทิ้งยูเซอร์อีกฝั่งไป ไม่นานคงได้ฟังเพลงไฮเรสกับเขาบ้างก็เสียงตังค์ค่าสมาชิกไปเท่ากันแล้วนิ
DEEZER HIFI เจ้านี้เปิดตลาดมาบ้านเรานานพอสมควรเท่าที่จำความได้ ให้บริการสตรีมมิ่งในไทยเราก่อน 3 เจ้าก่อนหน้านี้นานพอสมควร มีทั้งเพลงไทยเพลงสากล แต่อาจจะไม่มากเท่าทาง Spotify หรือ Apple music แต่คุณภาพเสียงเสียงผมว่าไม่แพ้กันเลยครับ ให้บริการในแบบ Lossless แต่ราคาจะสูงกว่าสองเจ้านั่นพอสมควร มีแอปให้เล่นครบทั้ง สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และพีซี ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ต้องหาโอกาสไปทดลองฟังกันได้ครับ
JOOX music เจ้านี้น่าจะเป็นเจ้าตลาดเพลงไทย มีกิจกรรมให้สมาชิกเข้าร่วม เยอะแยะไปหมด ข้อดีเจ้านี้แม้ไม่เป็นสมาชิกก็ฟังฟรีครับ มีโฆษณาคั่นพอประมาณ แต่ถ้าสมัคร VIP แล้ว จะได้คุณภาพเสียงระดับ Lossless เลยทีเดียว ตัวแอปใช้งานก็มีครอบคลุมทุกแพ็ลตฟอร์ม ส่วนราคานั้นผมถือว่าสบายกระเป๋าเลยครับ ราคาเพียง 99 บาทต่อเดือน ยิ่งสมัครแบบรายปี ราคายังไม่ถึงหนึ่งพันบาทเลย
YOUTUBE MUSIC เจ้าสุดท้ายที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน ขวัญใจสายชอบดูวีดีโอต่างๆ แล้วสุดท้ายก็มาเปิดสตรีมมิ่งการฟังเพลงบ้าง บางเพลงเราอาจไม่เคยฟังเพลงจากที่ไหน อย่างศิลปินที่เอาเพลงดังมา Cover ใหม่ ก็จะมีช่องทางได้โปรโมทเพลงเองให้เข้าถึงผู้คนได้ง่ายๆ ไม่ง้อค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ค่าบริการก็จะเท่าๆกับ เจ้าอื่นก็หน้านี้ เพียง 129 บาทต่อเดือน ข้อสังเกตก็คือไฟล์เพลงที่เขาสตรีมมาจะมีความละเอียดเพียง 256 KB เท่านั้นเอง อาจจะไม่ถูกใจคอออดิโอไฟล์กันมากนัก แต่ผมคิดว่าเขาคงมีกลุ่มเป้าหมายของเขาเองแหล่ะครับ เพราะสามารถเข้าถึงผู้คนได้ง่าย กลุ่มลูกค้าฟังเพลงผ่านสมาร์ทโฟนจะชื่นชอบกันอยู่
น่าจะครบเกือบทุกเจ้าในไทยที่เปิดให้บริการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่ง ส่วนอันที่แบบต้องสมัคร VPN แล้วดิ้นรนไปสมัครของเมืองนอก ผมไม่แนะนำครับ คือ เดือนหนึ่งคุณต้องมาจ่ายค่า VPN เพิ่มเติมมันใช่เหรอ แต่ก็ไม่ได้ห้ามท่านผู้อ่านกันครับ