8466 จำนวนผู้เข้าชม |
บทความรีวิวนี้เขียนโดย Terry Ellis March 2022
สามารถรับชมแบบคลิปวีดิโอได้ที่นี่
ผมได้รอคอยลำโพงรุ่นใหม่สำหรับ Entry Level จาก Acoustic Energy มานาน ซึ่ง AE นี้เป็นแบรนด์ลำโพงสัญชาตอังกฤษที่ก่อตั้งมานานหลายทศวรรษ ลำโพงสำหรับมือใหม่ที่ราคาจับต้องได้ในท้องตลาดเรียกว่าแข่งขันกันรุนแรงมาก และแน่นอนสุดท้ายผู้ผลิตก็ต้องปรับตัวผลักดันตัวเองให้ก้าวข้ามออกมาจากจุดเดิมๆให้ได้
ผมเปรียบเทียบลำโพงสามตัว คือตัวแรกที่คุณอาจจะพูดว่ามันเป็น champion speakers คือตัว AE1002 – squared หรือรุ่น mk2 ผมชอบ mk2 มากกว่านะเป็นลำโพงแบบตั้งที่ขนาดกะทัดรัดดีที่สุดในจังหวะนี้
นี่เป็นลำโพงวางหิ้งของ AE คู่ที่ 3 แล้วที่ผมได้ทำการรีวิว และทุกครั้งลำโพงแบรนด์นี้ก็ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลย ในแง่ของสุนทรียศาสตร์ วัสดุ และคุณภาพเสียง AE100 mk2 นี้ก็เช่นกัน เค้าเป็นลำโพงที่ขนาดกำลังพอเหมาะ ขอบโค้งมนสวยงาม คุณภาพตัวตู้ประณีตเกินราคาคู่ละ £259 ไปมาก สำหรับคู่ที่ผมใช้รีวิวจะเป็นผิวไม้สีวอลนัท ผสมผสานการออกแบบกึ่งโมเดิร์น กึ่งคลาสสิค ถ้าซื้อไปแล้ว อย่าลืมลอกพลาสติกที่ติดอยู่ตรงขอบดอกลำโพงออกด้วย เพราะมันให้เสียงที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
ประสบการณ์ของผมก่อนหน้านี้กับลำโพงของ Acoustic Energy ก็คือรุ่น AE300 และ AE500 ซึ่งทั้งหมดนั้นให้เสียงที่ดี การบาลานซ์เสียงน่าประทับใจ แต่นิดนึงนะด้วยความที่อาจจะออกแนวเซฟโซนก็คือมันจะไม่ได้ฉีกแนวออกไปไกลเพื่อพยายามให้คนฟังประทับใจเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นข้อดีที่ผมไม่สามารถจะยกมาเป็นข้อเสียได้เลย เพราะว่าลำโพงตัวนี้มันถูกทำขึ้นมาให้สำหรับทุกคนเข้าถึงได้ง่าย และก็ฟังง่ายด้วย
The Tale of Two Boxes
ผมคาดหวังเสียงแบบเดิมจากตัว AE100 mk มันเป็นลำโพงแบบ 2 ทางที่ใช้ทวีตเตอร์โดมผ้าขนาด 25 มิลลิเมตรซึ่งอยู่ตรงแนวคลื่นเสียงพอดีและใช้เทคโนโลยีการกระจายเสียงแบบพิเศษที่เรียกว่า Dispersion Technology มาพร้อมกับ Mid-bass driver ขนาด 130 มิลลิเมตร โดยมีจุดตัดความถี่ที่ 2.9khz ทานกำลังขับได้ถึง 100 วัตต์ อิมพีแดนซ์ปกติ 6 Ohm ให้การตอบสนองความถี่ 45Hz-30kHz วัดค่าความไวได้ 87dB/W/m เป็นไปตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น
ส่วนที่มากกว่ามาตรฐานคือตัวตู้ Acoustic Energy ฉลาดมากในส่วนนี้ พวกเขารู้ว่าลูกค้าชอบรูปแบบที่กะทัดรัดและสวยงามแบบรุ่นออริจินอล แต่ต้องการได้ยินเสียงเบสมากขึ้นโดยที่ลำโพงยังขนาดเท่าเดิม ดังนั้นการที่จะเน้นเสียงเบสให้มากขึ้น ตัวตู้จึงทำมาจาก HDF แทนที่ MDF ทำให้สามารถใช้พาแนลที่บางกว่าได้ สิ่งนี้ทำให้ลำโพงยังมีขนาดเท่าเดิม ความแข็งแรงของตู้เท่าเดิม แต่เสียงภายในตู้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่โตอะไร แต่ถ้าพูดถึงการผลิตลำโพงขนาดกะทัดรัดแบบ AE100 แล้วละก็ทุกมิลลิเมตรมีความสำคัญแน่ๆ
Placing for Perfection
การติดตั้งลำโพงค่อนข้างง่ายและไม่ยากที่จะหาตำแหน่งที่เหมาะสม และมุมที่บรรจบกันได้ในห้องของผม ผมพบว่า AE100 ไม่ได้ต้องต่ออะไรมากนักเพื่อให้ได้เสียงที่ดีที่สุด ผมมักจะติดตั้งลำโพงด้วยระยะห่างที่พอเหมาะ แต่กับ AE100 mk 2 ผมว่าเสียงสูงอาจจะแหลมเกินไปเล็กน้อย และผมก็ได้ยินเสียงสอดแทรกเล็กน้อยครับ ผมค่อนข้างรู้สึกไวกับเสียงเหล่านี้และเจอว่าการลดระยะลงช่วยทำให้ลำโพงเสียงดีขึ้นและกำจัดเสียงสอดแทรกนั้นออกไปได้
ปกติสิ่งหนึ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกในการติดตั้งลำโพงในห้องของผมก็คือการได้เวทีเสียงที่มีความกว้างและสูงลึกสุดเท่าที่จะทำได้ ผมวาง AE100 mk2 จากผนังด้านหน้าประมาณ 1 เมตรเพื่อให้มันทำงานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วการส่งเสียงออกมาเป็นจุดแข็งสำคัญของลำโพงนี้ เวทีเสียงที่ได้จากลำโพงนี้ยิ่งใหญ่พอตัวสำหรับลำโพงตัวเล็กๆแค่นี้ มันกว้าง ลึก และสูงอย่างน่าตกใจมาก นี่ผมบรรยายโดยที่ไม่มีอคติใดๆเลยนะ เวทีเสียงที่ผมได้ทำให้ผมนึกถึงลำโพงอื่นๆที่แพงกว่านี้ที่สามารถให้เสียงที่เปิดกว้างและแน่นได้ มันเหมือนมีพลังความถี่สูงกว่าที่ผมคาดไว้ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศได้ดีในการฟังอัลบั้มแบบแสดงสดที่ได้ยินเสียงผู้คนมากมาย ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องของศาสตร์ในการรับรู้เสียง แต่ยังไงก็ตามมันฟังง่ายและเป็นข้อดีอย่างมากของลำโพงตัวนี้ คุณจะรู้สึกเหมือนคุณได้ไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ ตัวทวีตเตอร์เป็นส่วนสำคัญในการแสดงความถี่ในอากาศที่สูงขึ้น ซึ่งบางส่วนก็จะมาจากตู้ของลำโพงจากการสั่นสะเทือน ซึ่งผมเดาว่า HDF เป็นตัวที่ช่วยในภาพรวมทั้งหมดทำให้ลำโพงสั่นน้อยลงและช่วยให้เสียงตัวมันเองเบาลงด้วย
เสียงเบสของ AE 100 mk2 เป็นอานิสงค์มาจากตู้ลำโพงด้วยเช่นกัน ถ้าเล่นเพลงที่เข้ากันละก็ คุณจะได้ยินเสียงเบสที่หนาแน่นเต็มอิ่มเลยละ Acoustic Energy ประสบความสำเร็จในการทำเสียงเบสจากลำโพงขนาดกะทัดรัดนี่จริงๆ การขยายเสียงเบสให้ออกไปยังคงถูกจำกัดด้วยขนาดของลำโพง ผมพบว่าต่อจากนั้นเสียงโดยรวมในห้องของผมนั้นลีนขึ้น แต่ผมก็มั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เกิดระยะของเวทีเสียงได้เปิดกว้างมากขึ้น จริงๆแล้ว ผมสามารถที่จะย้ายลำโพงให้เข้าไปชิดผนังมากขึ้นเพื่อที่ให้ได้ยินเสียงเบสในห้องมากขึ้น แต่ผมก็ไม่ได้ทำเพราะ IO กำลังเอนจอยกับเวทีเสียงที่ติดตั้งเอาไว้อย่างที่ควรจะเป็น
ตามหลักแล้วตราบใดที่ผมไม่ได้บ้าบอเกี่ยวกับเรื่องระดับวอลุ่มของเสียงเพลง AE100 mk2 ให้เสียงที่ใสสะอาด สนุกเพลิดเพลินมาก ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องที่ได้ยินอย่างชัดเจน รายละเอียดต่างๆชัดเจน เสียงเบสที่หนักแน่นเต็มอิ่ม ทั้งหมดนี่เกินความหวังที่ผมมีต่อลำโพงราคา 259 ปอนด์ชัดๆ
Bring On the Competition
ผมตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะเอาลำโพงเริ่มต้นตัวระดับท็อปอื่นๆออกมาเปรียบเทียบ จะได้ดูว่า AE100 mk2 นั้นดีจริงหรือไม่ ผมตั้งใจว่าการทดสอบนี้จะไม่ง่ายแน่นอน
ตัวแรกคือ รุ่น Acoustics 3030i ซึ่งเดิมวางจำหน่ายในราคา 369 ปอนด์ ซึ่งแพงกว่าเกือบ 50% แม้ว่าตอนนี้จะสามารถซื้อได้ในราคา 269 ปอนด์ 3030i มีขนาดใหญ่กว่าและลึกกว่าอย่างเห็นได้ชัด มันมาพร้อมกับตัวขับเสียงกลางเบสขนาดใหญ่ 6.5 นิ้วที่มีขนาดเท่ากัน แต่มีทวีตเตอร์แบบซอฟต์โดมที่แยกจากกัน ผมว่าทั้งสองลำโพงนี้ดูทันสมัย แต่สุดท้ายผมว่าโดยรวมทั้งหมดตัว Acoustic Energy ดูน่าประทับใจกว่า 3030i ที่ดูยาวกว่าไปหน่อย
อย่างที่คาด เสียงที่ได้จาก 3030i เสียงเบสนั้นแน่นมาก ได้ยินเสียงของตัวโน้ตลึกกว่า ซึ่งเป็นส่วนที่ผมชอบมาก และมันก็เป็นจุดแข็งหลักของพวกเค้าด้วย การได้ยินเสียงเบสที่แน่นๆ เต็มอิ่มนั้นช่วยให้เสียงโดยรวมอบอุ่นและหนักแน่นแข็งแรงโดยเฉพาะเสียงร้องของนักร้องชายจะเป็นธรรมชาติและแน่นมากขึ้น
ดังนั้นง่ายเลยเวลาที่เราฟังเพลง Hey Laura ของ Gregory Porter การที่เบสได้รับการขยายเสียงเพิ่มทำให้เราได้ยินเสียงที่มันยิ่งใหญ่ขึ้น เหมือนกับว่าเรากำลังฟังเพลงจากลำโพงแบบตั้งพื้นขนาดเล็ก เสียงสูงของ 3030i อาจจะมีความละเอียดกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ AE100 แต่นั่นมันก็คือทำให้เริ่มและหยุดเร็วขึ้นซึ่งนับว่าเป็นข้อดี โดยรวมทั้งหมดผมว่าเสียงสูงที่ได้จาก 3030i นั้นจะได้จากส่วนขยายมากกว่าและเสียงก็น่าสนใจน้อยกว่า
สรุปการเปรียบเทียบกับ AE100 mk2 ผมว่าเสียงที่ได้จาก 3030i มันไม่เชื่อมกัน ไม่มีเวทีเสียงของจริงในห้องของผม สัมผัสไม่ได้ถึงความลึกของเสียง และก็เหมือนกับว่าจังหวังและสมดุลของลำโพงไม่ตรงกันตามจังหวะเพลง ในขณะที่จริงๆ AE100 ก็ไม่ได้จะลึกอะไรขนาดนั้น แต่มันให้เสียงเบสที่แน่นขึ้น และผมว้าวมากที่พบว่าเพลงบางเพลงยิ่งเสียงหนักแน่นมากเท่าไหร่เหมือนให้ความรู้สึกสัมผัสได้ถึงอากาศใน vibe นั้นๆได้ดี สรุปแล้วมีทั้งข้อดีข้อเสียที่ชัดเจนระหว่างลำโพงสองตัวนี้ นักฟังเพลงบางกลุ่มอาจจะชอบ 3030i แต่สำหรับผมรู้สึกว่าลำโพง AE 100 mk2 ดีกว่าและเป็นตัวที่ผมเลือกจะฟังมากกว่า จริงๆนี่เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของ Acoustic Energy เลยนะเมื่อเทียบกับราคาเดิมจริงๆของ 3030i
The next contender
ตัวเปรียบเทียบตัวถัดไปจะโหดกว่านี้อีก เวลาที่คุณจะคิดถึงผู้ผลิตลำโพงเริ่มต้นในระดับ top ในเรื่องของผู้ออกแบบและผู้ผลิต แน่นอนว่าคุณจะต้องนึกถึง Andrew Jones และ Elac ลำโพงรุ่น Debut 2 DB5.2 เป็นคู่เปรียบเทียบที่เหมาะที่สุดเพราะมาในราคา 259 ปอนด์เท่านั้น มีวูฟเฟอร์ที่ทำจาก Aramid-Fiber ขนาดมากกว่า 5 นิ้ว ทวีตเตอร์ดีไซน์เป็นแบบโดมผ้าไหม ขนาด 1 นิ้ว ตัวไดรเวอร์เป็นทรง Waveguide จะเห็นว่าการออกแบบแตกต่างกันมาก โดยที่ Elac ด้านหน้าจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบย้อนยุค และตัวกดแบบสมัยเก่าแทนที่จะเป็นแม่เหล็ก สำหรับผมถ้ามองด้วยตาเปล่า AE100 สวยกว่าแน่นอน แต่ผมก็ว่าบางคนอาจจะชอบรูปลักษณ์ที่ดูแบบย้อนยุคแบบเก่าของ Elac ก็ได้
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนอีกหนึ่งอย่างคือ ขนาด ของ Elac ใหญ่กว่าและสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเจาะลึกลงไปในเรื่องของการตอบสนองความถี่ของเบสที่ 46hz เทียบกับ 51hz ของ AE100 อาจจะฟังดูไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่จริงๆการขยายระยะจาก 50 ไป 40 มันก็สร้างความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเหมือนกันนะ และในส่วนของ Elac ดูเหมือนจะแยกความแตกต่างของเสียงเบสระหว่าง Q acoustics และ Acoustic Energy ด้วย เสียงเบสที่ได้แน่นและนุ่มนวลกว่า Q Acoustics แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แม้ว่าจะเหมือนกับว่าเสียงเบสจะขยายมากกว่าและละมุนกว่า AE100 อยู่เล็กน้อยก็ตาม ยังไงก็ตาม AE100 มีเสียงที่ไพเราะกว่าสำหรับบางเพลง ถ้าเปรียบเทียบจากเพลงของ Gregory Porter อีกที เสียงของเขาที่ได้จาก AE100 ฟังดูน่าลุ่มหลงกว่าของ Elac เป็นเพราะการขยายเสียงเบสที่ออกมานิดหนึ่ง ในทางกลับกันถ้าเราไปฟังเพลง Runners by Soichi Terada เบสที่ได้จาก Elac จะสนุกกว่าที่ได้จาก Acoustic Energy เยอะ
ถ้าเรากลับมาฟังเพลงที่หลากหลายแนว ลำโพงของ Elac จะให้เสียงที่แน่น เข้มข้นและมีความสมดุลมากกว่าจากลำโพงทั้งสองตัว มันทำได้ดีในจุดนี้มากๆ แม้ว่าเวทีเสียงของ Elac จะไม่ได้กว้างเท่า Acoustic Energy แต่ก็ยังน่าประทับใจอยู่ดี เสียงของ Elac จะอบอุ่นกว่าเพราะมีเสียงเบสที่อิ่มกว่าแต่ในขณะเดียวกันเสียงสูงก็จะน้อยกว่าด้วย
ผมจะทำการเพิ่มการเปรียบเทียบในแง่ของดนตรีต่อไปอีก คือเอาเพลงอัลบั้มของ Melody Gardot, Live in Europe ที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่ขัดเจนบางอย่าง เริ่มต้นกับเพลง Wayfaring Stranger ที่มีเสียงผู้คนส่งเสียงเชียร์มากมาย ลำโพงทั้งสองรุ่นสามารถส่งพลังของเครื่องดนตรีที่เล่นอยู่โดยมีรายละเอียดที่ชัดเจนและอยู่ในระดับเหมือนสามมิติเลยทีเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ว้าวมากสำหรับลำโพงที่มีราคาประมาณนี้ เสียงดับเบิลเบสและความสมบูรณ์ของเสียงที่ได้จาก Elac นั้นทำให้รู้สึกอินไปกับเครื่องเล่นดนตรีที่ใช้ไม้ขนาดใหญ่มากกว่า เสียงของเมโลดี้ที่ตามหลังจากโซโลทำให้รู้สึกน่าประทับใจ และเสียงที่ได้เต็มๆจาก Elac ก็ทำให้รู้สึกเต็มอิ่มและเพลิดเพลินยิ่งขึ้น แต่หากเราเริ่มเล่นเพลงอีกครั้งในตอนต้นของเพลงที่จะมีเสียงผู้คนโห่ร้องเชียร์อยู่นั้น AE100 นั้นส่งเสียงเหล่านั้นออกมาได้ดีกว่า เพราะว่ามันสามารถทำให้เรารู้สึกว่าเราอยู่ตรงนั้นเพราะมีความถี่ที่สูงกว่า ซึ่งกับ Elac เราจะไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
Rooms, Systems and Ears
ผมสามารถอธิบายความแตกต่างที่คล้ายกันในเพลงอื่นๆได้ แต่เพื่อให้เข้าใจง่ายที่สุด เสียงของ Elac นั้นดีมาก เสียงแน่น ชัดเจน เวทีเสียงยอดเยี่ยม และยังมีเสียงเบสที่ขยายเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย พอรวมกับเสียงสูงออกมามากขึ้นทำให้เสียงพวกเค้าอบอุ่นมากขึ้นในแต่ละเพลง ลำโพง AE100 mk2 เป็นลำโพงที่ยอดเยี่ยมที่สามารถให้ประสบการณ์ผู้ฟังแบบเหมือนชิดขอบเวทีเหมือนเรานั่งใกล้ และเขาก็ร้องให้เราฟังตรงหน้าทำนองนั้น และก็สามารถทำงานในส่วนอื่นได้ดีใกล้เคียง Elac สำหรับเพลงบางเพลงที่มีย่านความถี่สูงเป็นพิเศษ AE100s ทำได้ดีมาก แต่ในแทร็คอื่นๆ เช่น เพลงบางเพลงจาก Madonna Immaculate Collection อาจมีเสียงร้องแหลมโหยหวนได้
การีวิวลำโพงของ Acoustic Energy เป็นอะไรที่สนุกและเพลิดเพลินมาก ได้ความรู้สึกเซอร์ไพรส์แบบดีงามตลอด ลำโพง AE100 mk2 นี้เป็นลำโพงที่มีความสดใส น่าสนใจและแน่นอนว่าเป็นลำโพงที่เกินราคาไปมากทั้งดีไซน์ เสียง และการประกอบของลำโพง
เวลานี้แหละเหมาะสมที่จะมาเป็นนักฟังเพลงหูทองกันเถอะ!